นาฬิกา GMT เป็นนวตกรรมที่ล้ำที่สุดของการบอกเวลา เพราะเป็นการบอกเวลาได้ถึงสองโซนไทม์ของโลก ซึ่งแน่นอนว่ากลไกที่ใช้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน และมีหลาย ๆ แบรนด์ดังที่เริ่มนำฟังกชันนี้มาใช้กับนาฬิกาของแบรนด์ตัวเองเพื่อสร้างมูลค่า รวมไปถึงแบรนด์ Rolex ที่ไม่ยอมพลาดเช่นกัน
กำเนิด GMT
เริ่มขึ้นเมื่อปี 1955 ที่ Rolex ได้เริ่มสร้างนาฬิกาที่สามารถบอกสองเขตเวลาได้ในเวลาเดียวกันในรุ่นยอดฮิตอย่าง Rolex Oyster-Prepetual ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากนักเดินทางระดับมืออาชีพเพราะมันทำให้พวกเขาไม่พลาดการดูเวลาอีกซีกโลกได้อย่างแม่นยำ และต่อมาไม่นาน ได้มีการจับมือกันระหว่างสายการบินระหว่างทวีปชื่อดังในขณะนั้นของอเมริกาอย่าง PAN AM จนทำให้ Rolex รุ่นนี้ได้กลายเป็นนาฬิกาประจำสายการบินนี้ไปโดยปริยาย
มีการแบ่งการผลิตนาฬิกา GMT ออกเป็น 2 ยุค สำหรับในยุคแรก จะเป็นลักษณะหน้าปัดแบบวินเทจ และเป็นแบบขอบฟิล์ม และยุคต่อมาได้พัฒนาออกมาเป็นหน้าปัดแบบ Cerachrome การใช้สีทูโทนน้ำเงินแดงกรอบทำจากวัสดุเซรามิกเนื้อดี แข็งแรงและทนทานมาก จนได้จดสิทธิบัตรเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงเฉพาะของ Rolex ซึ่งการจดสิทธิบัตรนี้ได้ทำให้เห็นถึงความก้าวหน้าอีกขั้นของแบรนด์ Rolex เลยก็ว่าได้
มาถึงปัจจุบัน การมีหน้าปัดเป็นสองสีจึงเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญในการบอกถึงนาฬิกา GMT ของ Rolex และมีการเพิ่มเทกเจอร์ให้กับนาฬิกาด้วยการให้ชื่อเรียกที่ทำให้ดูสนุกสนานเข้าไปอีกด้วยรุ่น
- GMT BADMAN ขอบดำ-น้ำเงิน
- GMT PEPSI ขอบสีแดง-น้ำเงิน
- GMT ROOT BEER ขอบสีน้ำตาลเข้ม-น้ำตาลอ่อน
ROLEX GMT-MASTER II REF.126719 BLRO
เปิดตัวเมื่อ 2019ไม่กี่ปีมานี้ รุ่นนี้วัสดุทั้งตัวเรือนเป็นแบบไวท์โกลด์ สายนาฬิกาแบบ Oyster ลายข้อต่อ 3 ชิ้น ดีไซน์หน้าปัดขนาด 40 mm. มีหน้าปัดสองสีคือ น้ำเงิน-แดง ขอบหน้าปัดหมุนได้ หลาย ๆ คนเรียกติดปากรุ่นนี้ว่ารุ่น Pepsi
กรอบสองสีได้ถูกสร้างจากกระบวนการผลิตชั้นดีของ Rolex ด้วยวัสดุเซรามิกที่เรียกว่า Cerachrome มีคุณสมบัติสีไม่ซีดจางและทนต่อการขีดข่วน โดยตัวเลขบนขอบหน้าปัดจะถูกเคลือบด้วยวัสดุแพลตินัม สำหรับสีที่ใช้เป็นสีของ GMT ในรุ่นแรกและได้พัฒนาให้มีความแข็งแรงมากขึ้น
DIAL
ตัวหน้าปัดหากนำรุ่นไวท์โกลด์กับรุ่นสตีลมาเทียบกันจะเห็นว่า รุ่นสตีลจะมีหน้าปัดเพียงแค่สีดำเท่านั้น ในขณะที่ไวท์โกลด์มีให้เลือกแบบหน้าปัด เมธีโอไลท์ สีขาวหรือสีน้ำเงินเข้ม และมีความโดดเด่นแปลกตากับหน้าปัดสีน้ำเงินที่เมื่อตกกระทบกับแสงจะได้สีที่แปลกออกไป และมีการไล่สีที่สวยงามในตัวเรือนสร้างมิติให้กับนาฬิกาเวลาสวมใส สำหรับหน้าปัดใช้เลนส์ที่เรียกว่า Cyclops ที่ช่วยให้การมองเห็นใสชัด และเพิ่มเลนส์ขยายวันที่เพิ่มอีก 2.5 เท่า
BRACELET
สายนาฬิกาของนาฬิกา GMT ระหว่างสตีลและไวท์โกลด์ก็มีความแตกต่างกัน ถ้าเป็น GMT Steel ทาง Rolex ได้ปรับให้เป็นสายรุ่นใหม่ทั้งหมดแบบ Jubiliee ในส่วนของไวท์โกลด์ ยังคงเป็นสายเดิมคือน Oyster วัสดุ White Gold 18K มีน้ำหนักที่รู้สึกได้เมื่อสวมใส่ มีการขัดแต่งบริเวณสายที่เป็นเซ็นเตอร์ลิงค์ได้อย่างเนี้ยบที่สุด
MOVEMENT
Rolex GMT-MASTER II ตัวนี้ได้ถูกเลือกให้ใช้กลไก Calibre 3285 เป็นกลไกรุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้จดสิทธิบัติเฉพาะของ Rolex อีกด้วย กลไกรุ่นนี้ถูกสร้างมาให้มีความโดดเด่นที่ได้รับการพัฒนาแบบสุดยอดเทคโนโลยีของ Rolex นั่นก็คือกลไกแบบ Chronergy หรือที่เรียกกันว่าแบบเฟืองแกว่ง ไม่เพียงเท่านี้ การสำรองพลังงานที่มีการปรับขึ้นไปได้ถึง 70 ชั่วโมง ใส่เพิ่มตัวปรับเวลาหลักชั่วโมงแบบ Jumping Hour หรือแบบกระโดดข้ามได้ทั้งเดินหน้าและถอยหลังปรับไปครั้งละ 1 ชั่วโมง ด้วยการแยกเวลาไม่รบกวนการทำงานของเข็มนาทีและวินาที
ส่วนประกอบที่ล้ำสมัยของกลไก Chronergy จะประกอบไปด้วย Hairspring and Parachrome ทนทานต่อแรงกระแทกอย่างรุนแรง อีกทั้งยังทนต่อการผันผวนของอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ดี กลไกนี้ได้ผ่านการรับรองจาก COSC สถานบันการรับรองเรื่องเวลาที่แม่นยำที่สุดของประเทศสวิส ทั้งหมดนี้เป็นตัวการันตีได้เลยว่า Rolex GMT -MASTER II REF.126719 เป็นนาฬิกาสองไทม์โซนที่มีมาตรฐานสูง และมีความน่าใช้ด้วยการทำงานแบบ True Watch ที่ไม่ควรมองข้ามทีเดียว
หากคุณเป็นนักเดินทางตัวยงและหลงไหลการทำงานที่น่าทึ่งของนาฬิกา GMT เราแนะนำให้คุณอย่ามองข้ามคุณสมบัติที่สุดแสนจะเพอร์เฟค ที่ให้คุณได้ทั้งความเป็น Luxury หรือแม้กระทั่งความคลาสิกที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวกับROLEX GMT-MASTER II REF.126719 BLRO
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ไฮโลไทยได้เงินจริง