ถ้าพูดถึงเรื่องของรางวัลของนาฬิกาอย่าง GPHG (GRAND PRIX HORLOGERIC DE GENEVE) เป็นรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดที่สามารถเรียกว่าเป็นรางวัลออสก้าของนาฬิกาเลยก็ว่าได้ เราจะนำตัวที่โดดเด่นที่สุดมาแบ่งปันให้กับนักสะสมได้ชื่นชมกันแยกเป็นความโดดเด่นของแต่ละสาขา
ราวัลสาขาCALENDAR & ASTRONOMY Watch Prize สาขาดาราศาสตร์แห่งนาฬิกา
CHRISTIAAN VAN DER KLAAUW l ASTRONOMICAL WATCHS
CVDK Planetarium Eise Eisinga
Price 1.6M – 2.2M.
แบรนด์ที่มีการ Feature เอาตัวฟังก์ชั่นเกี่ยวกับดาราศาสตร์หรือดวงดาวมาเป็นแรงบรรดาลใจและสร้างออกมาภายให้ทิศทางแห่งดาราศาสตร์ สำหรับเจ้าของผู้ก่อตั้งแบรนด์เป็นชาวดัตช์ที่มีความชื่นชอบเรื่องของดาราศาสตร์เป็นอันมากชื่อของเขาคือ Chirstiaan Van Cer Klaauw
CVDK Planetarium Eise Eisinga ได้ตั้งชื่อรุ่นนี้มาตามนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสผู้สร้างแบบจำลองของระบบสุริยะจักรวาลที่ชื่อว่า Eise Eisinga แลถือว่าระบบของสุริยะจักรวาลเป็นระบบที่เก่าแก่ที่สุดในโลก สำหรับรุ่นนี้มีจุดสังเกตที่น่าสนในบนหน้าปัด ที่ให้ความรู้สึกถึงงานไม้ที่เป็นเทกเจอร์มาด้วยสีฟ้า และมีวงตรงกลางเลข 12 ที่จะบอกวันเดือนปีเป็นปฏิทิน และที่โดดเด่นก็จะเป็นวงกลมด้านล่างที่จำลองมาจากระบบสุรยะจักรวาล และมีการคำนวณการโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะมาเป็นกลไกการทำงานของนาฬิกาเรือนนี้
รุ่นนี้ผลิตออกมา 2 แบบ คือ แบบ Rose Gold และแบบ Steel ซึ่งมีทั้งหมดเพียง 12 เรือนทั่วโลกเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นนาฬิกา Planetariumที่เล็กที่สุดในโลกอีกด้วย ดังนั้นต้องจับตาดูว่าใครที่เป็นเจ้าของเรือนนี้กันบ้าง
รางวัลสาขา Men’s Complication Watch และสาขา Artistic Craft Watch
Maximilian Busser & Friend
MB&F Legacy Machine Collection
Price 8M
นาฬิกาแบรนด์ที่มีการ Collaboration กับผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกากับ Independent Watch Maker อีกด้วย และที่โด่งดังที่สุดของแบรนด์นี้และได้รับรางวัลก็คือ MB&F Legacy Machine Collection ที่มีดีไซน์ที่แปลกไม่เหมือนใครในโลก แรงบันดาลใจมาจากการคิดย้อนเวลาสำหรับการสร้างนาฬิกาเมื่อ 100 ปีที่แล้ว โดยมีตำนานหลัก ๆ ในการสร้างแรงบรรดาลใจก็คือ Pocket Watch, Eiffel Tower, Jules Verna โดยเฉพาะคนสุดท้ายเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากว่าร้อยปี ได้รับฉายาว่า The Father of Science Fiction
การออกแบบที่ผสมผสานทั้ง 3 เรื่องราวนี้เข้าด้วยกัน โดยใช้การออกแบบนาฬิกาให้มีตัวเรือนดูคล้ายกับ Pocket Watch และโครงของหน้าปัดเป็นวีเชฟยึดตามแบบทรง Eiffel Tower และด้วยภาพรวมทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่ Jules Verna จากการที่เขาเป็นนักเขียนที่มองไปสูความเป็นอนาคต ทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีองค์ประกอบโดยรวมแบบ Futuristic Concept ที่ออกมาได้เป็น Retro Future ได้แบบลงตัว
รางวัลสาขา LADIES’ Watch Prize
PIAGET LIMELIGHT GALA l PRECIOUS RAINBOW
Price 3.6M.
แบรนด์ PIAGET ไม่ได้โด่งดังเพียงแค่เรื่องเครื่องประดับเท่านั้น ยังโด่งดังจากนาฬิกาอีกด้วย แบรนด์นี้ยังได้รับรางวัลติดกันถึง 2 ปีซ้อนอย่าง Grand Prix 2020 และสำหรัปีนี้กับรุ่นที่ได้รางวัล PIAGET LIMELIGHT GALA l PRECIOUS RAINBOW ที่ยังคงได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่น THE PIAGET PATRIMONY ในปี 2560 สำหรับปีนี้ยังคงเน้นความสวยงามที่ประดับไปด้วยพลอยหลากสีที่มีมูลค่า ด้วยการไล่สีเฉดเป็นแบบแนวเส้นรุ้งด้วยเทคนิคการฝังพลอยที่เรียกว่า Sertie Descendu และความเป็นแร์ไอเทมนั่นก็คือการแกะสลักตั้งแต่ตัวเรือนไปจนถึงสายที่เรียกว่า Palace Decor เป็นงานฝีมือที่ทำกันมาอย่างช้านานและให้สี Rose Gold น้ำหนัก 18Kซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเอกลัษณ์เฉพาะของ PIAGET
รางวัลสาขา LADIES’ COMPLICATION Watch Prize
VAN CLEEF & ARPELS LADY FEERIE WATCH
Price
แบรนด์จากประเทศฝรั่งเศส โดยมีหลักปรัชญาแบบ Poetry of Time เป็นการออกแบบตามจินตนาการการให้อารมณ์แบบนวนิยายแสนโรแมนติก โดยรูปแบบทั้งหมดให้ความรู้สึกที่เหมือนกำลังอยู่ในนวนิยายสักเรื่อง ตัวเรือนจะถูกฝังไปด้วยไพลินและเพชรสลับกันแบบ Sapphire & Diamond สร้างความงดงามหรูหราราวเจ้าหญิง ด้วยการดีไซน์ที่พิเศษให้ Feerie นั่งอยู่บน Mother of Pearl
ดีไซน์ในหน้าปัดจะมีวงอยู่ด้านล่างเหนือ Pearl เป็นการบอกชั่วโมง และใช้การบอกนาทีด้วยไม้กายสิทธิ์ของนางฟ้าตัวน้อยที่จะหมุนบอกเวลาเป็นนาทีได้อย่างแม่นยำ เป็นความแลไอเทมอีกรุ่นหนึ่งเลย และความแปลกที่ดูมีกิมมิกก็คือการไล่สีจากช่องบอกชั่วโมงไล่สีจากสีฟ้าอ่อนไปจนถึงสีฟ้าเข้มติดขอบ เพื่อให้เห็นถึงแสงจากดวงจันทร์ยามค่ำคืนนั่นเอง
จบไปแล้วกับ 3 รางวัลตัวเด่นแห่ง GPHG เมื่อปีที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวที่ขึ้นมาแทนตำแหน่งเหล่านี้ยังไม่ได้เลย เพราะคุณสมบัติที่น่าทึ่งและเสน่ห์ที่ซับซ้อนแบบหาตัวจับยาก นักสะสมทั้งหลายไม่รู้ถือว่าพลาด