รีวิวนาฬิกาข้อมือตัวเด่น 2023Tudor Black Bay Chrono S&G

นาฬิกาข้อมือตัวเด่น-2023Tudor-Black-Bay-Chrono-SG

การถือกำเนิดของTUDORคงต้องย้อนไปเมื่อปี 1926การจดทะเบียนเป็นแบรนด์ในนามของHans Wilsdorf ผู้ก่อตั้ง Rolex ได้ก่อตั้งบริษัท Montres TUDOR SA ขึ้นมาอย่างเป็นทางการในปีต่อมาคือปี 1946 เพื่อแนวคิดของการผลิตนาฬิกาที่เคารพปรัชญาดั้งเดิมของ Rolex แต่ให้ขายในราคาที่ย่อมเยาว์กว่า

เนื่องจากความทนทานและความสามารถในหลายรูปแบบของ TUDOR พวกเขาได้รับความไว้วางใจจนได้รับเลือกจากนักผจญภัยที่ทั้งบนบก ในอากาศ ใต้น้ำ และบนน้ำแข็ง วันนี้TUDORคอลเลคชันรวมถึงโมเดลที่เป็นสัญลักษณ์ เช่นBlack Bay, Pelagos, 1926และRoyal ตั้งแต่ปี 2015 TUDORยังได้นำเสนอรุ่นต่าง ๆ ที่มีกลไกการผลิต Calibres ที่มีฟังก์ชันหลากหลายและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า

Black Bay Fifty-Eight 925 

หากเราจะพูดถึงนาฬิการุ่นที่โดดเด่นที่ผ่านมาคงต้องยกให้กับคอลเลคชั่น Black Bay ที่ยืนหนึ่งมาจนถึงปีนี้ และสำหรับคอลเลคชั่น Blak Bay ที่ทำให้โด่งดังก็เป็นรุ่น  Black Bay Fifty-Eight 925 เป็นรุ่นที่เป็นหน้าเป็นตาให้แบรนด์ตั้งแต่ปี 1969 และเรียกกันในชื่อ “Showflak” หรือ “เกล็ดหิมะ” เป็นการรวมเอานาฬิกาดำน้ำของแบรนด์ TUDOR ที่เกือบยกมาทั้งหมดใน 7 ทศวรรษที่ผ่านมามาผสมผสานกันจนกลสามารถกลายเป็นนาฬิการ่วมสมัยได้จนถึงปัจจุบัน 

จึงทำให้เมื่อเราพูดถึง Black Bay ความคลาสสิกแบบเริ่มต้นยุคของ TUDOR ลอยมาให้เห็นเต็มตาและการมีภาพจำสำหรับความมีสไตล์เป็นนีโอวินเทจ แต่ความแข็งแกร่งของ Black Bay ยุคปัจจุบันก็ยังคงเก็บลุคความแข็งแรง และความเที่ยงตรงมาได้อย่างเหนียวแน่น 

และในปี 1954 ที่มาก่อน TUDOR ได้เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำเหนือชั้นมาโดยตลอดจนมาถึงรุ่นที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้นั่นก็คือ Tudor Black Bay Chrono S&G เป็นการเปิดตัวในปีนี้ รุ่นนี้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานความเป็น

โครโนกราฟกับแนวสปอร์ตเข้ามารวมกันได้และออกมาได้คลาสสิกที่สุดแบบสุดจริงกับ Manufacturing Calibre อัตโนมัติประสิทธิภาพสูง พร้อมคอลัมภ์และคลัตช์แนวตั้ง

Tudor Black Bay Chrono S&G

ความโดดเด่นของ Black Bay ทุกรุ่นจะถูกรวมไว้ที่เข็มนาฬิกาแบบ Snowflek ที่มีหัวเหมือนเกล็ดของหิมะที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 1969 อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาอย่างยาวนาน ทำให้เมื่อพูดถึง TURDOR ก็จะนึกถึงเข็มเกล็ดหิมะก่อนเสมอ 

สำหรับ Tudor Black Bay Chrono S&G มาพร้อมกับหน้าปัดYellow Goldเยลโลว์โกลด์ เส้นผ่านศูนย์กลางนาฬิกาอยู่ที่ 41 mm. พร้อมขอบหน้าปัดทองคำ หน้าปัดย่อยสีดำที่มีการเพิ่มฟังก์ชันสเกลวัดระยะทาง ขอบหน้าปัดนอกเคลือด้วยสีซันเรย์สีดำด้านหรือที่รู้จักกันในวงการสีนาฬิกาคือสีแชมเปญ 

รุ่นนี้ยังมีให้เลือกหลายสไตล์ สามารถเป็นแบบ Everyday Watchกับสายนาฬิกาสแตนเลสและสีเหลืองทองซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสร้อยข้อมือหมุดย้ำแบบพับได้ที่ทำขึ้นมาเมื่อปีปี 1950 และ 1960แบรนด์ TUDOR สำหรับสายผ้า ก็เป็นผ้าทอโดยใช้วิธีการดั้งเดิมในการทอผ้า Jacquard ในศตวรรษที่ 19 โดยบริษัท Julien Faure ความสบายบนข้อมือจึงเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา รวมไปถึงสายหนังสีน้ำตาลเข้มที่ย้อนรำลึกไปถึงการแข่งรถในยุค 1970 สายที่มีการเย็บมือบนสี ecru แต่ให้ตัวล็อคสายเป็นแบบเหล็กดูตัดกันแต่ลงตัว

MANUFACTURE CHRONOGRAPH CALIBRE MT5813

กลไกที่น่าสนใจของแบรนด์ในรุ่น  Tudor Black Bay Chrono S&G โดยที่ Manufacturing Calibres โรเตอร์ในทังสเตนโมโนบล็อกเป็นแบบ openwork แผ่นเหล็กด้านหลังมีพื้นผิวขัดและพ่นทรายสลับ และการตกแต่งด้วยเลเซอร์ การเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพสูง ได้รับการประดิษฐ์ขึ้นตามประเพณีการผลิตนาฬิกาที่บริสุทธิ์ที่สุด โดยมีกลไกล้อแบบเสาและคลัตช์แนวตั้ง 

ในการคำนวณเวลา TUDOR ให้การเปลี่ยนแปลงของการวิ่งเวลาจะอยู่ระหว่าง -2 ถึง +4 วินาทีเมื่อ มันถูกประกอบอย่างสมบูรณ์เมื่อเทียบกับค่าการผันแปรโดยเฉลี่ยในการวิ่งของนาฬิการะหว่างวันคือ -4 ถึง +6 วินาที และManufacturing Chronograph Calibre MT5813 ยังใส่มาพร้อมการสำรองพลังงาน 70 ชั่วโมงและสปริงบาลานซ์ซิลิกอนได้รับการรับรองโดย Swiss Official Chronometer Testing Institute ( COSC ) ด้วยประสิทธิภาพไม่อยู่ระดับที่เป็นมาตรฐานแต่มีความเหนือกว่ามาตรฐานที่กำหนดจากการรับรองจากสถาบันอิสระแห่งนี้ ทำให้  Tudor Black Bay Chrono S&G ทุกตัวในคอลเลคชั่นนี้มีความไม่ธรรมดา 

TUDOR ยังคงเป็นนาฬิกา Chronographที่จัดว่ามีประสิทธิภาพที่เหนือกว่านาฬิกาเทียบในรุ่นเดียวกัน และความเป็นอัจฉริยะในการสร้างสรรค์งานศิลปะแห่งนาฬิกาที่มีมาอย่างยาวนานก็ยังคงอยู่ในกระแสเดิมของนักสะสม ความน่าตื่นเต้นที่มีไม่บ่อยของแบรนด์แต่สามารถสร้างความเป็นตำนานในแต่ละรุ่นได้อย่างเหนือชั้น 

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

TAG