ภาพยนต์ที่จัดอยู่ในระดับตำนานถูกเขียนขึ้นโดยนักเขียนนิยายที่ชื่อ Ian Fleming และเขาได้สร้างตัวแสดงที่ชื่อ James Bond นักสืบระดับพระกาฬที่มีรสนิยมดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตัวที่เป็นชุดสูทตลอดเรื่องและทุกตอน และหลาย ๆ คนจะติดตามสไตล์การแต่งตัวของเขารวมไปถึงเครื่องประดับอย่างนาฬิกาอีกด้วย ซึ่งในทุกภาคนาฬิกาจะเป็นที่ถูกจับตามองมากกว่ารถที่เข้าใช้ในฉากเสียอีก
ในยุคแรก ๆ James Bond ได้ถูกสร้างให้ใส่นาฬิกาหรูอย่างแบรนด์ Rolex Oyster Perpotual สำหรับภาคแรก Dr. Noถูกสร้างขึ้นเป็นภาพยนต์ในปี 1962 การที่เขากำหนดตัวแสดงต้องใส่แบรนด์ Rolex ก็เพราะตัวของเขาเองก็เป็นแฟนตัวยงของแบรนด์ Rolex เช่นกัน และตัวที่เขาใส่ก็คือ Rolex Submariner มาดูกันเลยว่าในแต่ละภาคนาฬิกาเรือนไหนบ้างที่คู่กาย James Bond ของเรา
SEAN CONNERY
1965
Dr. No – Rolex Submariner Ref.6538 “Big Crown”
สำหรับJames Bond ภาคแรกที่ถูกสร้างขึ้นใช้ชื่อว่า Dr. No โดยให้ตัวนักแสดงใส่นาฬิกา Rolex Submariner Ref.6538 “Big Crown” ที่รุ่นนี้ถูกเลือกมาให้นักแสดงใส่ในภาคนี้เนื่องจากชุดสูทที่ James Bond สวมใส่แสดงเป็นชุดสูทที่มีความเรียบเท่ห์ จึงหยิบ Dress Watch อย่าง Rolex Submariner ที่เป็นได้ทั้ง Dress Watch และDive Watch ได้ในเวลาเดียวกัน ความเข้ากับชุดและคาร์แรกเตอร์ที่เรียบง่าย และเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับภาพยนต์สมัยนั้น ยิ่งไปกว่านั้นด้วยคาร์แรกเตอร์ของนักแสดงเองก็มีความเท่ห์อยู่แล้วทำให้ยิ่งดู Luxury เข้าไปอีกและสำหรับ Rolex รุ่นนี้ถูกนำมาใช้ในภาคอื่นอีก อย่างเช่น James Bond 1963 : From Russia with love, Goldfinger 1964 : และสำหรับภาค Goldfinger นางเอกของเรื่องก็ยังใส่ Rolex GMT-Master Pepsi Ref.6542 อีกด้วย
THUNDERBALL 1965 l Breitling – Top Time Chronograph Ref.2022 (Modified)
สำหรับปีนี้นักแสดงยังคงเป็น SEAN CONNERY อยู่เหมือนเดิมแต่มีการเปลี่ยนนาฬิกาประจำตำแหน่งโดยนำรุ่น Breitling – Top Time Chronograph Ref.2022 (Modified) มาแทนเพราะในคาร์แรกเตอร์ของ James Bond ในภาพนี้จะมีฉากที่เป็น casual มากกว่าสูท ได้มีการ Modified ตัวเรือนให้เป็น 1 ใน Gadget อาวุธคู่กายของ James Bond อีกด้วย
GEORGE LAZENBY
1968 – 1969
ON HER MAJESTY’S SECRET SERVICE l Rolex Submariner Ref.5513 l Rolex Chronograph

สำหรับภาคนี้นักแสดงมีการใส่นาฬิกาถึง 2 เรือนด้วยกันคือ Rolex Submariner Ref.5513 และ Rolex Chronograph สำหรับเครื่องประดับของ James Bond ในภาคนี้ ทีมงานได้นำ Rolex Chronograph มาดัดแปลงใหม่ด้วยการเปลี่ยนเข็มวินาทีเป็นสีแดงเพื่อใช้เป็น Gadgetของนักแสดงนั่นเอง และเป็นเรือนเดียวในโลกสำหรับรุ่น Chronograph
ROGER MOORE
1972-1985
LIVE AND LET DIE l Rolex Submariner Ref.6538 l Hamilton l Pulsa l
James Bond ในยุค 70’s ซึ่งเป็นยุคของนาฬิกา Quartz และพัฒนามาเป็นนาฬิกาดิจิทัลในยุคนี้ Rolex Submariner Ref.6538 ที่ตัวเรือนสามารถหมุนได้รอบและเขียนบทให้นาฬิกาช่วยให้ James Bond ทำภาระกิจสำเร็จ และในระหว่านั้นยังมีอีกเรือนที่ James Bond หยิบมาใส่ก็คือ Hamilton l Pulsa เป็นนาฬิกาดิจิทัลเรือนแรก ๆ ของโลกเลยทีเดียว และทำให้เห็นถึงวิวัฒนาการของนาฬิกาที่เปลี่ยนจากกลไก Analog ไปสู่ความเป็น Digital ยังมีอีกเรือนที่พลาดไม่ได้สำหรับภาคนี้
ในปี 1977 เป็นการ Partner กันระหว่าง Seiko กับภาพยนต์ James Bond จะสามารถเห็นได้หลายรุ่นภายใต้แบรนด์ Seiko
THE SPY WHO LOVE ME 1977 – Seiko -0674 LC
เป็นดิจิทัลดิสเพลย์ที่สามารถกลายเป็น Printer บนมือถือได้ และยังเป็นเรื่อนแรกที่มี Memory Display อีกด้วย
FOR YOUR EYES ONLY 1980 l Seiko H357 Duo Display l Seiko 7549-7009 Golden Tuna’
600 m. Professional Quartz Diver โดยที่ตัวแรก Seiko H357 Duo Display มีความเป็น Analog Display&Digital Display ในตัวเดียวกัน
OCTOPUCCY 1983 – Seiko TV Watch เป็นนาฬิกาดิจิตอลเรือนแรกของโลกเลยก็ว่าได้ในสมัยนั้นที่เป็นนาฬิกาดิจิตอลที่สามารถดูทีวีหรือภาพเคลื่อนไหวได้ และได้รับรางวัล Guinness World Records สำหรับ TV ที่มีจอเล็กที่สุดในโลก
TIMOTHY DALTON
1986-1994
THE LIVING DAY LIGHT 1987 l TAG Heuer Ref.980.031
LICENCE TO KILL 1989 l ROLEX SUBMARINER Ref. 16610
PIERCE BROSNAN
1995-2004
GOLDENEYE 1995 l OMEGA SEAMASTER PROFESSIONAL 300M.
เป็นครั้งแรกที่มีการ official partnerกันกับ OMEGA เป็นการสร้างให้นาฬิกาเป็น Gabget ให้กับ James Bond อีกครั้งและครั้งนี้ นักแสดงได้ใส่รุ่นเดียวกันมาจนถึงปี 2002 หรือจนจบเวอร์ชั่นของ Pierce Brosnan ในระหว่างนี้ได้มีวิวัฒนการจากนาฬิกาที่เป็นแบบ Quartz Movement มาเป็น Mechanical Movement ในช่วงปลายของเขา
DANIEL CRAIG
2005-2021
CASINO ROYALE 2007 l OMEGA SEAMASTER PROFESSIONAL 300M. Ref.2220.80
เป็นภาคที่สร้างจากนวนิยายเล่มแรกของIan Fleming แต่เพิ่งนำมาสร้างในปีนี้ ด้วยการเปลี่ยนไปของคาร์แรคเตอร์ของเจมส์บอนด์ที่ดูสุขุม และจริงจังมากขึ้น และยังคงเป็นรุ่น OMEGA SEAMASTER PROFESSIONAL 300M. Ref.2220.80 อยู่เหมือนเดิม แต่มีเพิ่มเติมในรุ่น
QUANTUM OF SOLACE 2008 l OMEGA PLANET OCEAN 600 Ref. 2900.50.91
เป็นภาคที่นำมาใช้งานจริงในฉาก โดยเป็นฉากที่เจมส์ บอนด์ต้องทำภารกิจใต้น้ำ จึงเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของรุ่นนี้ มันเจ๋งเหมาะกับเจมส์ บอนด์จริง ๆและภาคต่อไปคือ SKYFALL 2012 ก็ยังคงใส่เป็นตัวเดิม
แต่มีความพิเศษสำหรับปีนี้กับรุ่นเดิมที่ทาง OMEGA ได้ผลิตนาฬิกามาให้เฉพาะกับหนังเรื่องนี้ ยังคงเป็นรุ่นเดิมแต่มีการเปลี่ยนเคสให้เป็นวัสดุไทเทเนียม จากเดิมที่เป็นสแตเลสสตีล และหลังจากนั้นก็มีการผลิตนาฬิกาให้กับ James Bond มาเรื่อย ๆ
SPECTRE 2015 l OMEGA SEAMASTER SPECTRE
NO TIME TO DIE 2021 l OMEGA SEAMASTER 007 EDITION
เต็มอิ่มกันไปเลยเหมือนกับได้ดูหนัง James Bond ครบทุกภาคเลยทีเดียว นอกจากจะเป็นหนังสายลับที่ครองใจคนทั่วโลกแล้ว ยังเผยให้เห็นเครื่องประดับที่ล้ำค่าและคู่ควรกับคาร์แรคเตอร์ตัวแสดงได้เหมาะสม อีกทั้งเป็นการใส่ใจสำหรับผู้สร้างภาพยนต์เพื่อให้ทุกอย่างออกมาสมจริงคุ้มค่ากับที่ทุกคนรอคอย