ไม่มีใครไม่รู้จักนาฬิกาแบรนด์นี้ SEIKO แบรนด์นาฬิกาญี่ปุ่นที่สามารถยกระดับเทียบเท่ากับแบรนด์ดังหลายแบรนด์ได้ และเป็นนาฬิกาที่เราต้องไม่พลาดที่จะทำให้หลาย ๆ คนได้รู้จักถึงเรื่องราวความเป็นมาที่มีความเก่าแก่และความอัจฉริยะของแบรนด์ที่ได้อ่านแล้วต้องทึ่ง เพราะ SEIKO เป็นแบรนด์นาฬิกาที่สามารถให้ได้ทุกรสนิยมและทุกระดับตัวจริง แต่ส่วนใหญ่จะนึกไปถึงแบรนด์ที่มีราคาย่อมเยาว์จับต้องได้ง่าย แต่หารู้ไม่ว่า SEIKO ได้ผลิตนาฬิกาที่มีมูลค่าหลายสิบล้านเทียบเท่ากับแบรนด์ดังที่สุดในโลกมาแล้ว
SEIKO เริ่มกำเนิดมาเพื่อปี 1881 ซึ่งมีอายุเกือบจะครบ 150 ในอีกไม่นานข้างหน้า และเป็นนาฬิกาที่สามารถเทียบชั้นกับนาฬิกาโลกกับแบรนด์ของสวิสบางแบรนด์เลยทีเดียว
มาดู Prologue ถึงความเป็นมาของ Seiko ในสังคมของญี่ปุ่นในระหว่างปี 1868-1912 ได้รับเอาเทคโนโลยีจากฝั่งตะวันตกเข้ามาใช้ จนทำให้เกิดเป็น MEIJI RESTORATION โดยเฉพาะในเรื่องการนำนาฬิกาในฝั่งตะวันตกเข้ามาใช้ในประเทศญี่ปุ่น จนทำให้เกิดความเป็นมาของแบรนด์ SEIKO จนถึงปัจจุบันนี้
การริเริ่มแบรนด์ SEIKO
อย่างที่บอกมาตั้งแต่ต้นในปี 1881 มีชายหนุ่มที่ชื่อ Kintoro Hottori ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตนาฬิกาที่ชื่อ KHATTORI & CO ขึ้น แต่เป็นการเริ่มนำเข้านาฬิกาทางตะวันตกเข้ามาเปิดตัวขายใน Tokyo และประสบความสำเร็จมาก จนทำให้เขาได้เริ่มผลิตนาฬิกาเองหลังจากนั้นมากอีก 9 ปี โดยเริ่มจากไอเดียการผลิตนาฬิกาติดผนังสำหรับใช้ที่บ้านในชื่อ Sei Ko Sha โดยคำว่า Sei Ko แปลว่าความสำเร็จที่งดงาม แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
อุปสรรคที่ SEIKO ต้องเผชิญ
Sei Ko Sha ได้ก่อตั้งมาถึงปีที่ 30 และได้เริ่มต้องพบกับบททดสอบแรกในปี 1923 กับการเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติครั้งใหญ่นั่นก็คือเกิดเหตุแผ่นดินไหวในวันที่ 1 กันยายน 1923 ทำให้บริษัทราบเป็นหน้ากองไม่เหลืออะไรไว้ให้เลย แต่ Hottori ไม่มีเวลาที่จะยอมแพ้ เขาได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่หลังจากเหตุการณ์นั้นและสามารถยืดหยัดมาได้ต่อไปอีกเกือบ 15 ปี และได้เปิดโรงงานแห่งที่สองตั้งชื่อว่า DAINI SEIKO
และการเผชิญหน้ากับอุปสรรคครั้งต่อมาในปี 1937-1945 เมื่อญี่ปุ่นต้องทำสงครามกับจีนและเรียกได้ว่าเป็นสงครามโลกครั้งที่สอง จนทำให้โรงงานต้องปิดตัวลงและเปลี่ยนไปเป็นโรงงานผลิตกระสุนและอาวุธในการใช้ทำสงคราม แต่ก็ไม่สามารถล้ม Hottori ได้
การกลับมายิ่งใหญ่ของ THE GRAND SEIKO & THE KING SEIKO
เมื่อสงครามสงบลง เขาเหลือแต่เพียงเศษเสี้ยวของโรงงานที่ Suwa Seikosha แต่มันก็ทำให้เขาได้เริ่มต้นยืนใหม่และเป็นการต่อลมหายใจให้เขาอีกครั้งในปี 1959 และใช้ชื่อ KING SEIKOให้ฐานผลิตจาก DAINI SEIKO และ Grand Seiko ที่ผลิตมาจาก Suwa Seikosha มีการแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน และเขาได้ให้เหตุผลว่าเขาต้องการให้เกิดการแข่งขันในแวดวงนาฬิกาภายใต้แบรนด์เดียวกัน เพื่อให้มีการพัฒนาแบรนด์ให้สู้กับแบรนด์ดังจากสวินเซอร์แลนด์ได้
การค้นหานวัตกรรมใหม่ The Grammar of Design
การสร้างแบรนด์ให้สู้กับแบรนด์สวิสได้ จะต้องมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์จากเดิมที่มีความเรียบต้องสร้างความดูแปลกใหม่และทันสมัยให้ได้มากขึ้น โดยการลงทุนจ้างนักออกแบบที่มีชื่อเสียงที่สุดชาวญี่ปุ่นอย่าง TARO TANAKA และเขาบอกว่าหากต้องการสู้กับนาฬิกาทางฝั่งยุโรปให้ได้ จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ครั้งใหญ่และได้ให้กับ SEIKO ว่าต้องเป็นกฏการออกแบบที่เฉพาะแบบ The Grammar of Design ที่ไม่สามารถบอกถึงความยิ่งใหญ่ของความเป็น SEIKO ได้อย่างชัดเจน
The Grand Seiko 57 GS
The King Seiko 44KS
บทพิสูจน์ความเป็น SEIKO
การเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งหลังจากที่ Seiko ได้มีหลักการออกแบบที่ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างเข้มแข็งจนกระทั่งในปี 1964 ได้เปิดตัวนาฬิกาในรุ่น The Grand Seiko 57GS และในเวลาเดียวกันได้เปิดตัว The King Seiko 44KS จาก DAINI SEIKO ที่มีคุณภาพสูสีกันมาก และถึงเวลาที่ต้องเข้าสู่บทพิสูจน์จากการเรียกร้องของนาฬิกาฝั่งสวิสที่ต้องการให้ Seiko ออกมาพิสูจน์คุณภาพนาฬิกาที่บอกว่ามีความแม่นยำไม่แพ้ทางยุโรป และได้รับความน่าอับอายเพราะผลที่ออกมาไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาบอกไว้
แต่บทเรียนครั้งนี้ทำให้ทั้ง Suwa Seikosha และ DAINI SEIKO ได้พัฒนานาฬิกาออกมาอีกครั้งและใช้ความผิดพลาดทั้งหมดมาปรับอยู่ถึงสามครั้งจนครั้งที่ 3 ทั้งสองสามารถคว้าชัยชนะเหนือความคาดหมายขึ้นเป็นอันดับที่ 2 อันดับที่ 4 และอันดับที่ 8 มาได้อย่างไม่น่าเชื่อแต่ก็เกิดเหตุอีกครั้งเนื่อจากยังไม่ได้รับการรับรองจาก Neuchatel Astronomical Observatory สถาบันจัดลำดับความแม่นยำระบบกลไกระดับโลกของสวิส และทุกอย่างถูกยุติลงแต่ก็ยังไม่สามารถหยุดการพิสูจน์ตัวเองของ Seiko ได้ จนในที่สุดก็ได้รับรางวัลเป็นนาฬิกา Mechanical ที่แม่นยำที่สุดในตอนนั้น ถึงแม้จะเป็นอันดับที่ 4 แต่เมื่อ 3 ลำดับแรกเป็นกลไก Quartz
ต่อมามีการพัฒนาอย่างหนักและหินที่สุด จนได้เปิดตัว Grand Seiko 44 GS ออกมาซึ่งเป็นระบบ Manual Winding ที่มีความแม่นยำที่สุดในโลก เราจะเห็นได้ถึงความพยายามของ Seiko ที่จะทำให้นาฬิกาของเขาได้เป็นที่ยอมรับในมาตรฐานระดับโลกและพวกเขาก็ทำได้และทำได้มาจนถึงในยุคปัจจุบัน
Seiko แบรนด์เก่าแก่ที่ได้ยินกันมาช้านาน ประวัติที่ไม่ธรรมดาของเขาทำให้นาฬิกาต่อให้มีราคาหลักพันบาทก็ดูมีคุณค่าขึ้นมากหลังจากที่ได้อ่านถึงการต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้ของแบรนด์ จนในที่สุด Seiko สามารถเข้าถึงผู้คนที่ชื่นชอบนาฬิกาได้ทุกระดับ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลัก 1K สูงไปจนถึงระดับ 20 M. เมื่อรู้แบบนี้แล้วนักสะสมคงต้องรอช้าไปได้เสียแล้วกับนาฬิกาตำนานบรรลือโลกขนาดนี้