นาฬิกาสัญชาติอเมริกันผู้โด่งดังกับนาฬิกา Chronograph ตัวยุคทองของแบรนด์ที่กลายเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกและมีแฟนอย่างเดียวนั่นเริ่มต้นเมื่อตอนลวดขั้วโลกเหนือของเจ้าชาย Luigi amedeo วงซาวออย ดยุคแห่ง Abuzzi ในปี 1899 ให้ลองกินได้กลายเป็นแบรนด์ที่ใช้งานได้คุ้มค่าและเที่ยงตรง เป็นการประกาศถึงความยิ่งใหญ่ของการผลิตนาฬิกาโครโนกราฟในยุคนั้น
1913 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Longines การนำนาฬิกา Pocket Watch เข้าหมาเป็นนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟเรือนแรกของแบรนด์ โดยแบรนด์ลองจิ้นได้มีการพัฒนากลไกด้วยการผลิตเป็นกลไกคาลิเบอร์ 13.33 Z โดยให้ระดับความเที่ยงตรงที่เหนือชั้นในระดับ 1/5
ยังคงมีการพัฒนารูปทรงของกลไกมาเรื่อยๆ จนในปี 1959 แบรนด์ได้มีการขยับการพัฒนาอีกครั้ง ได้นำเอาคาลิเบอร์ 360 เข้ามาใช้กับนาฬิกาข้อมือ เป็นการใช้ช่องความถี่ในระดับ 5 hz เดินด้วยความถี่ระดับ 36,000 จัดว่าเป็นการปฏิวัติวงการนาฬิกาคาลิเบอร์เรือนแรกของโลกก็ว่าได้ เพราะการที่ให้นาฬิกามีการเดินด้วยความถี่ที่มีระดับสูงมันจะช่วยทำให้ความแม่นยำเกิดขึ้นได้มากขึ้นเช่นกัน
จนในปี 1968 ได้มีการเปิดตัวนาฬิกา Sport Ultra-Chron ขึ้นมาเป็นครั้งแรกจากแบรนด์ Longines รูปทรงเป็นแบบสีเหลี่ยมคล้ายๆกับตัวอัลตร้าครอนตัวแรกในปีก่อนหน้าแต่ให้ความคลาสสิคที่ละมุนกว่า และมีคุณสมบัติเป็นนาฬิกาดำน้ำที่เยี่ยมยอด นี่จึงเป็นที่มาของการสืบทอดตำนานเอาละครมาถึงตัวปัจจุบันล่าสุดนี้ซึ่งนั่นก็คือ Longines Ultra-Chron ที่เรากำลังจะพูดถึงนี่เอง
Longines Ultra-Chron
Retail Price
เริ่มจากตัวหน้าปัดด้านในจะให้กลิ่นอายความเป็นวินเทจและให้ความย้อนยุคมากๆ มาร์คเกอร์จะเป็นจุดสี่เหลี่ยมที่มีความคมแบบเหลี่ยมสันที่ชัดเจนมาก แต่การให้ตำแหน่งเรืองแสงก็จะให้เฉพาะตำแหน่งที่สำคัญสำคัญเท่านั้น เอกลักษณ์ของกันเห็นอย่างชัดเจนของเข็มบอกนาทีและชั่วโมงจะมีลักษณะปลายเข็มเป็นสี่เหลี่ยมดูแปลกตา โดยให้สีแดงตรงเข็มนาทีเพื่อเป็นเอกลักษณ์ของตัว Sport Ultra-Chron ในรุ่นก่อนๆ มองเผินเผินคุณจะรู้สึกว่ามันมีลักษณะคล้ายๆกับดินสอและนั่นเป็นสิ่งที่นักสะสมและคนที่รู้จักแบรนด์ลองจิ้นเรียกกัน
เอกลักษณ์ในความเป็น Longines
กลิ่นอายของความย้อนยุคในรุ่นนี้ให้ความชัดเจนมากๆแม้กระทั่งตัวหนังสือที่อยู่บนหน้าปัดก็จะเห็นได้ว่าเป็นฟอนต์โบราณจึงทำให้รูปโฉมของ Longines Ultra-Chron ตัวนี้ให้ความเป็นนาฬิกาย้อนยุคได้แบบ 100% และยังให้สัญลักษณ์ทางด้านล่างหน้าจอดูลักษณะเหมือนให้ความเป็น frequency หรือดูเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของคลื่นความถี่เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่านาฬิกาเรือนนี้เป็นนาฬิกาที่มีการพัฒนาระบบภายในด้วยการใช้คลื่นความถี่ระดับพรีเมี่ยม
อุปกรณ์ตัวเรือนด้านนอกกระจกหน้าปัดเป็นแบบซัฟฟรายด์ ให้มิติจากความนูนดูเป็นโดมเล็กๆ ตัวกระจกมีคุณสมบัติในการตัดแสงได้กำลังดีไม่ทำให้คุณรู้สึกรำคาญ ความโดดเด่นของเรือนนี้จริงๆอยู่ที่ตัวขอบ bezel หากเราพูดถึงเรื่องของหน้าปัด วัสดุ insert เขาเลือกใช้เป็นแบบกระจก Sapphire Crystal การออกแบบด้วยการแกะสลักร่องขอบ bezel ที่เป็นกระจกซัฟฟรายสีดำเพื่อใส่สัญลักษณ์สีแดงเข้าไปนับว่าเป็นดีไซน์ที่ค่อนข้างจะมีความ
ครีเอทมาก ๆ เรื่องของความแข็งแรงและความทนทานยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะความเป็น Sapphire อยู่แล้ว ให้คะแนนเต็มร้อยได้เลยสำหรับเรื่องของความอึดทน
ความน่าทึ่งของตัวเครื่องหรือกลไกภายใน
สำหรับตัวเครื่องภายในใช้เป็นหมายเลขรหัส L838.6 มันเป็นเครื่องที่ไม่เชิง In-House ทีเดียวเพราะว่าทางลองจิ้นได้ผลิตร่วมกับบริษัทชื่อดังระดับโลกในการผลิตกลไกนาฬิกาอย่าง ETA ความโดดเด่นของการเดินเวลาสำหรับเครื่องที่มีความถี่สูงระดับ 36000 นี้คุณจะสังเกตได้ว่าเข็มวินาทีจะไม่มีการสะดุดในเรื่องของการเดินเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นการกวาดเวลาที่มีความนวลตามากที่สุด ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะการทำงานแบบนี้มันมักจะเกิดขึ้นกับนาฬิกาที่เป็นเครื่องไฮบริดซึ่งจะมีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้น และเรื่องของการสำรองพลังงานก็ให้มามากเกินคุ้มค่าให้ถึงระดับ 52 ชั่วโมงซึ่งจัดว่าเป็นฟังก์ชั่นการสำรองพลังงานที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะโดยปกติแล้วเครื่องที่ใช้พลังงานแบบไฮบริดจะมีการใช้พลังงานที่มากเป็นพิเศษดังนั้นพลังงานจากถูกดึงไปใช้งานค่อนข้างหนัก แต่สำหรับรุ่นนี้ฟังก์ชั่นการสำรองพลังงานจะว่าดีเยี่ยม
สิ่งที่น่าสนใจและจุดขาย
ความพิเศษของตัวเครื่องรุ่นนี้ที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือเป็นกลไกไขลานอัตโนมัติที่ได้รับการรับรองจาก Ultra-Chron Officially Certified Chronometer โดย TIMELAB Geneva หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า Ultra Chronometer นั่นก็คือมีการรับรองที่เหนือกว่านาฬิกาที่เป็นโครโนมิเตอร์ด้วยกัน
ความน่าสนใจโดยรวม
สำหรับรูปทรงโดยรวมทั่ว ๆไปจัดว่าเป็นนาฬิกาที่ออกแบบรูปทรงได้มีความเก่าอย่างน่าสนใจมีลักษณะคล้ายๆถังเบียร์ที่หลายคนชื่นชอบในความเป็นวินเทจ แล้วโดยราคาของมันแล้วเนี่ยตัวเรือนด้านนอกหรือการขัดเงาเป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวลใจใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะ finishing ทั้งหมดของราคานาฬิกาที่มีมูลค่าหลักแสนขึ้นไปมักจะให้ finishing ที่เนี๊ยบเงาและมีความคงทน สำหรับรุ่นนี้น้ำหนักของตัวเรือนนาฬิกาทั้งหมดตัวสายจะให้ความเบาเพื่อใช้งานง่ายในการสวมใส่ โดยที่น้ำหนักส่วนใหญ่แล้วจะตกไปอยู่ที่ตัวเรือน จึงทำให้การสวมใส่จะไม่เป็นอุปสรรคในการใช้งานอย่างแน่นอน
ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ สำหรับ Longines Ultra-Chronจากแบรนด์นาฬิกาคลื่นความถี่ที่ให้ความทนทานและให้ความแข็งแรงเพียงแค่มองเห็นรูปลักษณ์ภายนอก เป็นนาฬิกาที่สามารถทำงานได้ดีกับในทุกการใช้งาน มันไม่ได้เพียงแต่ให้การทำงานที่มืออาชีพเท่านั้นมันยังให้การยกระดับลุคของผู้สวมใส่ให้ดูหรูหราแบบมีรสนิยม watchfunonline
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> สล็อตแตกง่าย