เปิดตัวนาฬิกา Art Style แห่ง Maurice Lacroix “Maurice Lacroix Aikon Skeleton”

รีวิวนาฬิกา

Maurice Lacroix  ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1889 โดย เดสโค ฟอน ชุลเทส (เดสโค) บริษัทเก่าแก่และยังเป็นเป็นตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาหรู อย่าง โอเดอมาร์ ปิเกต์, ฮอยเออร์, อีเทอร์นา และเจเกอร์-เลอคูลทร์ นานนับปี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และล่าสุดในปีนี้บริษัทครัวก็ได้เปิดตัวนาฬิกา “Maurice Lacroix Aikon Skeleton” เมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนาฬิกาดีไซน์แบบ Skeletonที่สร้างความฮือฮาระดับโลก เพราะแบรนด์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการออกแบบนาฬิกาให้มีความแปลกและเป็นงานศิลปะมาแต่ดั้งเดิม จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่านาฬิกาที่เป็นดีไซน์สเกเลตันปีล่าสุดนี้เป็นที่กล่าวขานของเหล่าบรรดานักสะสม

เราสามารถเรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาในสไตล์แบบ Sport Luxury แล้วเป็นรูปแบบที่มาแรงที่สุดในปีนี้ ถึงแม้ว่าแบรนด์ Maurice Lacroix  จะเปิดตัวนาฬิกาในรูปแบบ Skeletonออกมาอย่างไม่หยุดแต่ก็ยังมีปัญหามาตลอดในเรื่องของไซส์ของนาฬิกาที่ใหญ่มากเกินไป จนทำให้ยังไม่ได้รับความนิยมเป็นที่พ่อใจเท่าไหร่ แต่ในที่สุดก็มีตัวที่มาแรงและเรียกได้ว่าตัวเด่นดังแห่งปี และเป็นตัวที่สามารถลบข้อผิดพลาดเก่า ๆ ออกไปได้อย่างหมดสิ้น นั่นก็คือ Maurice Lacroix Aikon Skeleton ตัวล่าสุดในปี 2022ที่เราจะนำมารีวิวให้พวกคุณได้ยลโฉมกระตุกต่อมความอยากเป็นเจ้าของ ซึ่งเราเชื่อว่าหลังจากที่คุณได้ดูการรีวิวจนจบแล้วคุณจะแทบไม่อยู่กับที่แน่นอนและคุณจะต้องค้นหามัน

Maurice Lacroix ได้เริ่มเปิดตัวนาฬิกาที่มีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมาได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่ปี 2016  โดยช่วงนั้นรุ่นที่โดดเด่นที่สุดก็จะเป็น Aikon Urban Tribe เป็นการออกแบบนาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากงานศิลปะสถาปัตยกรรมในยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังได้เปิดตัวนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์ลักษณะนี้เป็นครั้งแรกของโลกเมื่อปี 2021 ด้วย นับว่าปี 2022 นี้ “Maurice Lacroix Aikon Skeleton” จะเป็นตัวที่กลับมาฟืนพลิกสถานการณ์ให้กับความเป็น Skeleton ที่สมบูรณ์แบบ และสามารถสร้างงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกให้กับแบรนด์ได้ในปีนี้ 

Maurice Lacroix Aikon Skeleton

Retail Price 139,000 THB

  • ดีไซน์ของนาฬิกา

สถาปัตยกรรมของหน้าปัดในรูปแบบที่เป็น Skeleton มักจะมีไม่กี่แบรนด์ที่ทำออกมาแล้วได้งานมองดูเป็นแบบลักชูรี่ซึ่งแบรนด์ Maurice Lacroix  ก็ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในนั้น โดยสถาปัตยกรรมนี้ได้เลือกการฉลุให้เป็นลวดลายกราฟฟิกโดยใช้วิธีการแต่งผิวแบบเนื้อทรายซึ่งทำให้ดู Bleach ที่มากขึ้นโดยเฉพาะการใช้สลับลวดลายแบบซาตินเพิ่มเข้าไป เป็นดีไซน์ที่สามารถมองเห็นถึงกลไกภายใน และให้การมองเข็มชั่วโมงที่เป็นรูปแบบบาร์ไทย มีการเคลือบตัวเรืองแสงที่จัดว่าให้ความสว่างชัดมากในระดับ Super Luminova และให้ความคงทนของการใช้งานที่หน้าปัดด้วยการเลือกเป็นกระจก Sapphire ซึ่งมีคุณสมบัติความแข็งแรงและสามารถรองรับแรงกระแทกได้สูง

และเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเรือนมากเข้าไปอีกเนื่องจากเป็นดีไซน์แบบ keratin ดังนั้นตัวเรือนจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีความแข็งแรง  ดังนั้นทางแบรนด์จึงได้เลือกวัสดุที่นำมาใช้ตัวเลนส์ให้เป็นแบบ Stainless Steel 316L ที่ให้ความทนทานสุดๆในบรรดารุ่นที่ผ่านมา และการลดขนาดหน้าปัดลงให้เหลือเพียงขนาด 39 mm. มีความหนาหนา 11 mm. ที่เรียกว่าเป็นนาฬิกาแบบบาง 

ตัวขอบ bezel  เป็นดีไซน์ทรงกลมที่หมุนได้ด้วยให้ตัวเลขหรือสัญลักษณ์แบบบาร์คู่จำนวน 6 จุดโดยสัญลักษณ์บาร์คู่นี้ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวความคิดการออกแบบของรุ่น ‘Calypso’ ที่เป็นนาฬิการุ่นคลาสสิคที่สุดของแบรนด์ในเวลานั้น อีกทั้งยังเพิ่มความทนทานของสายนาฬิกาโดยให้เป็นเนื้อโลหะที่เรียกว่า Integrated เสริมระบบ Quick Release เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องการเปลี่ยนสายแบบรวดเร็วไร้เครื่องมือ และในการใช้ดีไซน์แบบ keratin ฟ้าหลังถูกเสริมเข้าไปให้เป็นแบบโปร่งใส และยึดด้วยน๊อตอย่างแน่นหนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกันน้ำ ที่ไม่น่าเชื่อว่าทำได้ถึง 200 เมตรเลยทีเดียว

กลไกนาฬิกา

และเมื่อที่ให้ฝาหลังเป็นแบบโปร่งใส กลไกในเครื่องก็ย่อมไม่ธรรมดา คุณจะสามารถมองเห็นกลไกแบบ Automatic Cal.ML115 (base Sellita SW200-1) ความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง โดยให้ค่าการสำรองพลังงานได้ถึง 3 วันเป็นอย่างน้อย กับ Rotor ขึ้นลานเคลือบสีเทาดำที่สลักแบบ Skeleton พร้อมโลโก้แบรนด์ 

อย่างไรก็ตาม Maurice Lacroix ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัฒนานาฬิกาที่ออกมาเป็นดีไซน์งานศิลปะหรือสถาปัตยกรรมในทุกๆรูปแบบ พวกเขายังคงเก็บคอนเซปของการออกแบบตามงานศิลปะในยุคปัจจุบันเพื่อให้นาฬิกาเกิดความทันสมัยและมีความยูนีคที่หาตัวจับยาก ถึงแม้ว่าแบรนด์จะเป็นชื่อที่ไม่ควรติดปาก แต่สำหรับวงการนักสะสมนาฬิกาเมื่อพูดถึง  Maurice Lacroix สิ่งแรกในหัวของนักสะสมที่จะนึกถึงก็คืองานสถาปัตยกรรมหรือโชว์รูมงานศิลปะทั่วๆไป แทบจะไม่มีเสี้ยวความคิดไหนที่ฉันนึกไปถึงนาฬิกาที่เป็นแนวแบบแฟชั่นเลย นี่คือเอกลักษณ์ของแบรนด์  Maurice Lacroix ที่มีให้กับเหล่าบรรดาแฟน ๆ ผู้รักนาฬิกาแนวศิลปะมาตลอด ลองจับตาดูกันต่อไปถึงงานสถาปัตยกรรมบนตัวเรือนนาฬิกาในอนาคตของพวกเขาว่าจะมีอะไรที่ทำให้เราได้แปลกใจกันอีกบ้าง ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

TAG